กะซ่าง.คอม Kasangkg.com tanakrit Ponnarit Veerachai Vongcharee
http://kasangkg.igetweb.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 ข่าวสาร

 ติดต่อเรา

สถิติ

เปิดเว็บ04/04/2008
อัพเดท26/08/2024
ผู้เข้าชม408,857
เปิดเพจ533,632
สินค้าทั้งหมด3

บริการ

หน้าแรก
บทความ
เว็บบอร์ด
รวมรูปภาพ
Facebook
GooGle+
Clipmass
YouTube

สมาชิก

ถามตอบเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า

คลังความคิด

เกม

ลิงค์ของเรา

สินค้า

 สินค้ามือสอง
 สินค้าทั้งหมด

ปฎิทิน

« April 2025»
SMTWTFS
  12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930   
iGetWeb.com
AdsOne.com

รักจะสร้างสุข หรือรักจะสร้างทุกข์

(อ่าน 285/ ตอบ 0)

Jeab

ที่ใคร ๆ คิดอยากจะมีความรักก็เพราะอยากมีความสุข แต่แท้จริงแล้วลองสำรวจตนเองดูว่ามีรักแต่ละครั้ง มันจะมีทุกข์พ่วงมาด้วยเสมอหรือไม่?


ความรักเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ที่เราไม่สามารถหาเหตุผล บางคนมีรักแล้วทุกข์มาก บางคนมีรักแล้วทุกข์น้อย น้อยคนไม่รู้ว่าเป็น เพราะกรรมที่เราทำมันส่งผลให้เรามีใจผูกยึดกับใคร 


“ด้วยกรรมเก่า” จะส่งให้เรามีสุขและทุกข์ เช่น เคยไปหลอกใคร ให้เจ็บช้ำ กรรมก็จะส่งผลล่อลวงใจให้ไปหลงรักคนที่จะมารานน้ำใจให้เราทุกข์แบบเดียวกัน 


“ด้วยกรรมปัจจุบัน” จะส่งให้เรามีทุกข์มากขึ้นหรือน้อยลง ซึ่งขึ้นอยู่กับส่วนผสมกิเลสในใจและความยึดมั่นถือมั่น 


เพราะเรามีโมหะจึงพาใจให้ไปรักอย่างไม่มีเหตุผล 


เพราะเรามีราคะจึงทำให้ใจเราเข้าไปชอบ ไปหวง ติดในรูป ชอบในเสียง และอื่น ๆ 


เพราะเรามีโทสะจึงเกิดความไม่พอใจเมื่อต้องสูญเสีย หรือรู้สึกว่าถูกแย่งไป 


เพราะเรายึดมากจึงทุกข์มาก ยึดน้อยจึงทุกข์น้อย 


แล้วการทำตามอำนาจกิเลสเพื่อให้ได้ยึดถือครอบครองนั้นจะทำให้ตนและคนที่เราบอกว่ารักนั้นเป็นทุกข์หรือสุข  ถ้ามันทำให้เราหรือคนที่เรารักเป็นทุกข์ เราจะเรียกการทำตามอำนาจกิเลสนั้นว่า ความรักได้หรือ? 


หลายคนอยากมีความรักที่มีความสุข แต่ก็ไม่เข้าใจว่าความสุขสร้างอย่างไร อันนี้อยากให้ตั้งคำถามย้อนกลับไปก่อนว่าเมื่อไม่รู้ว่าความสุขคืออะไรแล้วจะสร้างได้หรือ? 


ถ้าใจที่มืดเป็นทุกข์ 


ถ้าใจที่เร่าร้อนเป็นทุกข์ 


ถ้าใจที่หนักอึ้งเป็นทุกข์ 


เมื่อเรารู้ที่มาของอาการเหล่านั้นได้ ละเหตุได้ ใจก็เป็นสุข 


อุบายขจัดทุกข์ในรักก็คือ การทำให้จิตเข้าใจด้วยการสั่งสมการ มองเข้ามาในตนเองเวลาทุกข์  ทุกข์เพราะเรื่องอะไรก็แปลว่าเคยทำกรรมให้คนอื่นทุกข์มาแบบนั้น  ปัจจุบันเป็นผลของอดีต รู้เหตุแล้วก็ขัดเกลานิสัยตนเพื่อจะได้ไม่ต้องไปสร้างเหตุแล้วรับผลอย่างเดิม ๆ  ไปเรื่อย ๆ  


ดูให้ลึกขึ้น ก็ให้ย้อนดูว่าทุกข์เพราะกิเลสตัวใด 


ทุกข์เพราะความอยากของเราใช่ไหม 


ทุกข์เพราะความยึดของเราเองใช่ไหม 


เห็นบ่อย ๆ ใจก็จะเริ่มคลาย ว่าสิ่งเหล่านี้ทำแล้วเป็นทุกข์ ก็อย่า ไปทำตามใจมันสิ 


อุบายสร้างรักให้เป็นสุข ถ้ารักอย่างกิเลสแล้วทุกข์ก็รักอย่างธรรม พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสถึงความรักที่ไม่เป็นทุกข์คือ ได้แก่ การไม่เบียดเบียน และความรักอย่างพรหม ได้แก่ พรหมวิหาร ๔ คือ 


มีเมตตา ปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข 


กรุณา ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ 


มุทิตา ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี 


อุเบกขา คือ เมื่อทำอย่างเต็มที่แล้วก็วางใจในผล มีใจเป็นกลาง ไม่หลงไปในทางยึดว่าจะต้องได้ผลดังใจ 


นอกจากนี้ยังมีอุบายขั้นพื้นฐานอีกอย่างที่เป็นการขัดเกลาจิตใจ ไม่ใช่แต่จะแก้ปัญหาทุกข์เรื่องความรักได้ แต่ครอบจักรวาลแก้ปัญหาความทุกข์ทางใจได้ทุกเรื่อง ก็คือ


การสอนจิตให้ฉลาดด้วย การทำทาน รู้จักให้ 


รักษาศีล ให้จิตรู้จักระงับความอยาก 


ทำสมาธิ ให้ใจสงบจากความฟุ้งซ่านและก่อกวนของกิเลส 


และการทำวิปัสสนา เพื่อให้ใจเลิกสำคัญผิดยึดมั่นถือมั่น เพราะสิ่งทั้งหลายย่อมเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถอยู่ในสภาพเดิม และไม่ใช่ตัวตนที่เราสามารถบังคับได้ (ทั้งตัวเขา และความรู้สึกเราที่จะเป็นไปตามกรรมเพราะความคุ้นชิน) 


สุขอย่างที่มีเครื่องล่อด้วยกิเลสให้เข้าไปยึดจะส่งผลให้เราทุกข์ภายหลัง แตกต่างจากสุขอย่างธรรมที่ปราศจากมลทิน และเป็นอิสระ ทุกข์มากก็ขัดเกลาไป ขัดแรง ๆ หน่อย ยิ่งกิเลสเบาบาง ความยึดติดน้อยลง จะยิ่งมีความสุขมากขึ้น ๆ  


ทุกข์มันเกิดจากใจเราคิดเห็นไม่ตรงไปสร้างกรรมที่ไม่ดีก่อน พอเกิดผลทางใจก็ไม่รู้จักวิธีรักษา 


ถ้ารู้เหตุรู้ผลอย่างนี้แล้ว เราก็แก้ทุกข์ของเราได้ สร้างรักให้เราและใคร ๆ มีความสุขได้ไม่จำกัด นี่แหละ สุขทุกข์อยู่ที่ใจเราสร้างเองรับเอง 


Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

view